ข้อมูลปี พ.ศ. 2563 โดยสาขาวิชาการตลาด คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์

ชุมชนบ้านวังควาย หมู่ที่ 5 ต.คลองเขื่อน อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา

บริบทพื้นที่ (ประชากร / เนื้อที่ / สภาพเศรษฐกิจ / ภูมิประเทศ)
     ประชากร 3,650 คน เนื้อที่ 35.12 ตร.กม.อาชีพหลัก ทำนา ทำสวน อาชีพเสริม เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา
พื้นที่ราบลุ่มติดกับแม่น้ำบางปะกงซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ มีคลองส่งน้ำเล็กๆ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและที่ขุดโดยหน่วยงานของรัฐ เพื่อนำไปใช้ในการอุปโภคและการเกษตร

จุดเด่นพื้นที่ ศักยภาพ พื้นที่ ความหลากหลายทางชีวภาพ

     หมู่บ้านวังควาย ตำบลคลองเขื่อนมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำซึ่งเกิดจากการทับถมของตะกอนที่มากับน้ำ มีแม่น้ำบางปะกงไหลผ่าน มีคลองน้ำกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ คือ คลองตะเพลิน คลองเทวารุท และคลองโปร่งแรด อาณาเขต ทิศเหนือติดต่อกับหมู่ที่ 2, หมู่ที่ 4 ตำบลบางโรง ทิศใต้ติดต่อ หมู่ที่ 4 ตำยลคลองเขื่อน ทิศตะวันออกจรด หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองเขื่อน ทิศตะวันตกจรดหมู่ที่ 1 ตำบลก้อนแก้ว สภาพที่ดินเป็นหนองน้ำใหญ่ประมาน 10 ไร่ หน้าแล้งจะมีฝูงควาย และวัวของชาวบ้านใกล้เคียง มานอนแช่น้ำพักกินน้ำ (แถบนี้เลี้ยงวัวเป็นส่วนใหญ่เลี้ยงควายเป็นส่วนน้อย) คนลาวสมัยก่อนจะต้อนควายมาขายโดยใช้หนองน้ำเป็นจุดพักควยเสมอ หนองน้ำนี้ค่อนข้างลึกจึงใช้น้ำทำนาไม่ได้ มีกกเหลี่ยมและบัวขึ้นอยู่มากมาย ต่อมาตื้นเขินจึงทำนา ปัจจุบันปรับพื้นที่เป็นที่ตั้งของวัดเทวารุทธาราม และบ่อเลี้ยงกุ้งของนายบุญ ดังนั้นที่เรียกวังควาย ก็เพราะเป็นจุดพักควายนั้นเอง
     การเปลี่ยนแปลงของหมู่บ้านวังควาย ตำบลคลองเขื่อนมีการเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากในช่วงปี 2550 มีการก่อตั้งเป็นอำเภอคลองเขื่อน ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน/เกษตรอินทรีย์ ทำให้มีการเข้ามาดูแลจากหน่วยงานต่างๆมากขึ้น ประชาชนได้รับความช่วยเหลือในด้านต่างๆ คนในชุมชนมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น และในปี 2560 ได้รับรางวัลเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอยู่เย็นเป็นสุข กายาสารทได้รับเป็นสินค้า OTOP ได้รับรางวัลชนะเลิศจากกองทุนแม่ของแผ่นดิน ทำใประชาชนมีรายได้มากขึ้น ชุมชนได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น คนในหมู่บ้านมีอาชีพมากขึ้น
     ผลจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คนในชุมชนมีความกระตือรือร้นตื่นตัว ในการช่วยกันพัฒนาชุมชนมากขึ้น เนื่องจากแต่เดิมไฟฟ้าและน้ำพึ่งมีการเข้าถึงในปี พ.ศ.2562 ทำให้ชุมชนมีไฟฟ้าไว้ใช้มากขึ้น การเกษตรมีการพัฒนามากขึ้นแต่เดิมชุมชนมีการเลี้ยงกุ้ง มีแม่น้ำบางปะกงที่ไหนผ่านใช้แม่น้ำในการดำรงชีวิตประจำวัน

เครื่องมือประวัติศาสตร์ผ่านเส้นเวลา (Timeline)

ปี พ.ศ.เหตุการณ์สำคัญ
2530ชีวิตความเป็นอยู่
– ไฟฟ้าเข้าเขตหมู่บ้านวังควายมีไฟฟ้าใช้งานทำให้สะดวกสบายมากขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย
– ยังไม่มีน้ำประปา ใช้น้ำจาก คลอง/บ่อ
2550การดูแล/การปกครอง
– ก่อตั้งเป็นอำเภอคลองเขื่อน ได้มีการพัฒนาการปกครอง/การดูแลจากหน่วยงานมากขึ้น ประชาชนได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น
– ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน เกษตรอินทรีย์
2554ชีวิตความเป็นอยู่
– น้ำท่วมรอบนอกเขตหมู่บ้าน ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนมากนัก
การประกอบอาชีพ
– เกิดภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตการเกษตรลดลง 40-50% รายได้ลดลง
2560รางวัลหมู่บ้าน
– ได้รับรางวัลเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจ พอเพียง อยู่เย็น เป็นสุข
– ได้เป็นสินค้า OTOP (กระยาสารท)
– ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากกองทุนแม่บ้านแผ่นดิน เรื่องการจัดการชุมชนที่ดี
2562ชีวิตความเป็นอยู่
– น้ำประปาเข้าเขตหมู่บ้าน (บางครัวเรือน) มีปัญหาเกิดจากน้ำไหลอ่อนถึงไม่ไหลในบางครั้ง บางครัวเรือนยังต้องใช้น้ำจากคลอง/บ่ออยู่
– เกิดโรงสีข้าวชุมชน
2563ชีวิตความเป็นอยู่
– เกิดภาวะแล้ง ส่งผลทำให้ทำการเกษตรไม่ได้ เนื่องจากแล้งหนักกว่าทุกปี
– ผลผลิตการเกษตรตกต่ำลง ปริมาณ คุณภาพ ลดลงส่งผลทำให้ราคาต่ำ
– ต้องหาน้ำสำรองโดยหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือแต่ต้องจัดทำบ่อน้ำสำรองโดยการหาพื้นที่สาธารณะขุดบ่อ และอีกทางคือให้ชาวบ้านในชุมชนขุดบ่อเองในพื้นที่ส่วนตัวและช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เช้า ไม่สามารถขุดเองได้
– ไฟ้ไหม้ สาเหตุเกิดจาก ไฟฟ้ารัดวงจร

ข้อมูลทุนชุมชน 5 ด้าน ของชุมชน ที่นำไปสู่ภาพอนาคตที่อยากเห็น

ทุนรายละเอียด
ทุนทางสังคมตัวคน
– เกษตรอำเภอ
– ผู้ใหญ่บ้าน
– กำนัน
หน่วยงาน
– พัฒนาชุมชน
– ธกส.
– อสน.
– อสม.
– ปศุสัตว์
– กองทุนหมู่บ้าน
– พัฒนาสังคม
– สหกรณ์การเกษตร
– กองทุนแม่ของแผ่นดิน
ทุนความรู้– ทำบุญส่งท้ายปีเก่า
– วันเด็ก
– กีฬาหมู่บ้าน
– วันแม่
– ออกพรรษา
– ประเพณีหัวไม้
– รดน้ำดำหัว
– จักรสานสมัยก่อน
– ถวายเทียนพรรษา
– ความเชื่อต่างๆ
– วันสารทไทย
– สงกรานต์
– เย็บแห
– แข่งรถอีแต๋น
– ไหว้เจ้า
– ตักบาตรเทโว
– แข่งเรือ
– ช่างเครื่องยนต์
– ความเชื่อร่างทรง
– ประกวดกระทง
ทุนประสบการณ์– รางวัลกีฬา
– อบรมพัฒนา
– ฝีมือแรงงาน
– ภัยแล้ง
– ท้องนาแห้งแล้ง
– ไฟไหม้บ้าน
– ไม่มีน้ำ
ทุนอัตลักษณ์– ยกสาน,ตั้งสาน
– ประกวดนางนพมาศ
ทุนเศรษฐกิจ– สวนกล้วยลุงสำเริง
– เลี้ยงปลา
– ผักปลอดสารพิษ
– ศาลาประชาคม
– กระยาสารท
– ทำพวงหลีด
– มะพร้าว
– แปรรูปกล้วย
– เลี้ยงกุ้ง
– ทำสวน
– ไก่ชน
– โรงสีข้าว
– ทำนา
– บ้านพอเพียงต้นแบบ
– กล้วย
– มะม่วง
– ศูนย์การเรียนรู้ผักปลอดสารพิษ – ตะไคร้
– สินค้า OTOP
– ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง

ปฏิทินและประเพณีของชุมชน

เดือนประเพณีการประกอบอาชีพปัญหาที่ได้รับแนวทางการแก้ไขปัญหา
มกราคม– ขึ้นปีใหม่
– ตรุษจีน
– วันเด็ก
– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
– น้ำแล้ง
– ราคาถูก
– รอน้ำฝนตามฤดูกาล
กุมภาพันธ์– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
– เลี้ยงกุ้ง
– น้ำแล้ง
– กุ้งเป็นโรค
– กุ้งไม่โต
– ขี้ขาว
– ใส่ยา
– เปลี่ยนอาหาร
– ถ่ายน้ำ
– กรวดน้ำ
– เชิญหมอมาตรวจบ่อ
มีนาคม– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
– เลี้ยงกุ้ง
เมษายน– สงกรานต์
(รดน้ำดำหัว)
– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
– เลี้ยงกุ้ง
พฤษภาคม– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
– เลี้ยงกุ้ง
– ทำนาข้าวไรซ์เบอรี่
– น้ำขาดแคลน
– เพลี้ย / หนอน
– นกพิราบ / นกกะจาบ(กวนข้าว)
– ทำหุ่นไล่กา
– น้ำ รอฝน
มิถุนายน– ทำบุญที่วัด– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
– ทำนาข้าวไรซ์เบอรี่
กรกฎาคม– เข้าพรรษา
– ถวายเทียน
– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
– ทำนาข้าวไรซ์เบอรี่
– ทำกระยาสารท
สิงหาคม– ทำบุญวันแม่– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
กันยายน– สารทไทย– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
ตุลาคม– ออกพรรษา
– ตักบาตรเทโว
– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
พฤศจิกายน– วันลอยกระทง– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว
ธันวาคม– ทำบุญส่งท้ายปี
– ทำบุญวันพ่อ
– ทำสวนมะม่วง
– ทำสวนมะพร้าว

แผนที่ภายนอกชุมชน

แผนที่ภายในชุมชน

ข้อมูลเพิ่มเติมของชุมชุน

อาชีพหลักของชุมชน
• ทำนา
• เลี้ยงกุ้ง
• ผักกางมุ้ง (ปลอดสารพิษ)
อาชีพเสริมของชุมชน
• ปลูกกล้วย/ตะไคร้
• ทำขนม
• มะพร้าว
เป็นอาชีพเสริมและเพิ่มรายได้
ขั้นตอนในการปลูกข้าว
• ระยะเตรียมดินไร่ละ 180 บาท (เริ่มเดือนพฤษภาคม)
• ค่าน้ำมันรถตีเลน 3 ลิตร /1 ไร่ × 3 75 บาท
• เตรียมดิน ไร่ละ 100 บาท (ค่าแรง)
• พันธ์ข้าวปลูก ไร่ละ 25 กิโล ลูกละ 400 บาท
• ค่าแรงคนหว่าน ไร่ละ 70 บาท
• ฉีดยาคลุมวัชพืช ไร่ละ 70 บาท (ค่าแรง)
• ยาฉีด ขวดละ 400บาท (ไร่นึ่งใช้ไม่ถึงขวด/ไร่ละ 130)
• ค่าปุ๋ย ค่าแรงใช้ปุ๋ย ไร่ละ 70 ต่อไร่ (ครั้งที่ 125 กก./ไร่) สูตรปุ๋ยเปิดสูตร 16×20-0
• ฉีดยา 1 ขวด ฉีดได้ 10 ไร่ ขวดละ 400 บาท (ค่าแรง 70 บาท) 20 วันใส่ครั้งที่ 1 (315บาท)
• ใส่ปุ๋ย ครั้งที่ 2 (อายุข้าว 45 วัน)
• ฉีดยา ครั้งที่ 2 (ทำแบบนี้ 3 ครั้ง)
• ฉีดยาครั้งที่ 3 ระยะข้าว 70 วัน
• ยาฆ่าแมลงสุดท้าย กันเชื้อรา ขวดละ 700 บาท ต่อ 10 ไร่
ขั้นเก็บเกี่ยว
• อายุข้าว 110 วัน (มาตรฐาน)
• ค่าเกี่ยว ไร่ละ 300 บาท
• ค่าน้ำมันรถเกี่ยว ไร่ละ 3 ลิตร 75 บาท
• ค่ารถบรรทุกข้าว (เกวียน ตันละ 150/ตัน)
• ค่าข้าวเมล็ดสวย ราคากลาง เกวียนละ 7000 บาท
• ได้กำไร แต่ปัญหากระทบคือ ค่าเช่าที่แพง
• ถ้าไม่มีโรคแมลงระบาดเกิดขึ้นต้องเพิ่มค่ายา

ภาพกิจกรรม

แผนที่ Google Map